EN
TCAP 49.25บาท
+0.50(1.03%)

เศรษฐกิจไทยปี 2566 มีการขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง จากการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจแบบไม่ทั่วถึง โดยขยายตัวที่ ร้อยละ 1.9 ลดลงจากปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 2.5 การชะลอตัวลงมีสาเหตุหลักมาจากการส่งออกที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ตามอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่ชะลอลงจากอัตราเงินเฟ้อและดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับสูง และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงยืดเยื้อ ในทางกลับกันการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว แต่อย่างไรก็ตาม เสถียรภาพทางเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังอยู่ในกรอบเป้าหมาย โดยในปีที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายการเงิน ธปท. ได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 1.25 ต่อปี มาเป็นร้อยละ 2.50 ต่อปี เพื่อให้เหมาะสมกับการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และเสริมสร้างเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะยาว

สำหรับกลุ่มธนชาต ในปี 2566 บริษัทฯ ได้ดำเนินการตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ รวมทถึงมีการกำกับดูแลให้บริษัทในกลุ่มเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพตามเป้าหมายทางธุรกิจ ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานในภาพรวมเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ถึงแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจไทยยังคงมีความเปราะบางอยู่ก็ตาม โดยผลการดำเนินงานมาจาก 2 ส่วนด้วยกัน คือผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยและบริษัทร่วม และเงินลงทุนที่ใช้ในการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม ประกอบกับเงินลงทุนที่ใช้ในการขยายสินเชื่อที่มีหลักประกัน (Asset-based Financing) ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ ตามงบการเงินรวมจำนวน 6,603 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,383 ล้านบาท หรือร้อยละ 26.5 จากปีก่อน ซึ่งธุรกิจการเงินในภาพรวมเติบโตขึ้นเป็นลำดับภายหลังจากการควบรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีที่ผ่านมากำไรสุทธิเติบโตได้ตามเป้าหมายจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังจากผ่านพ้นวิกฤตโรคโควิด 19 รวมถึงการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย สำหรับธุรกิจประกัน สามารถเติบโตเบี้ยประกันภัยรับได้เป็นอย่างดี มีจำนวนรวมเกินกว่า 10,000 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับธุรกิจสินเชื่อที่มีหลักประกัน ที่สามารถขยายสินเชื่อได้มากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ในขณะที่ธุรกิจหลักทรัพย์ได้รับผลกระทบจากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ลดลงตามภาวะการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ปรับตัวลดลง แต่ยังคงมีกำไรในระดับที่น่าพอใจจากธุรกิจหลักทรัพย์ในส่วนอื่น ๆ ตามนโยบายการกระจายธุรกิจที่ไม่พึ่งพิงเฉพาะธุรกิจการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เพียงอย่างเดียว ส่วนธุรกิจเช่าซื้อและลีสซิ่ง ได้รับผลกระทบจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังไม่ทั่วถึง และกระทบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคการก่อสร้าง รวมถึงผู้ประกอบการรายย่อยในภาคการขนส่งสินค้า ประกอบกับปัญหาราคารถยึด ส่งผลให้มีผลประกอบการลดลง แต่ยังคงมีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง

สำหรับปี 2567 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตขึ้นจากปี 2566 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกที่มีสัญญาณดีขึ้น ตามปริมาณการส่งออกที่ปรับเป็นบวกในไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา ประกอบกับการขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชน ซึ่งเป็นไปตามอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มทรงตัว และการใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นจากการจ้างงานและค่าแรงที่ปรับดีขึ้น รวมไปถึง การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว แต่อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังคงต้องเผชิญความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง จากปัญหาหนี้ภาคครัวเรือน การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า รวมถึงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ เล็งเห็นถึงโอกาสและความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในปี 2567 นี้ โดยจะยังคงพยายามในการแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพ เพื่อเพิ่มความหลากหลาย ความมั่นคง และผลประกอบการของบริษัทฯ รวมทั้งการกำกับดูแลให้บริษัทในกลุ่มเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพตามเป้าหมายทางธุรกิจ โดยจะเน้นหนักในเรื่องการสร้างความมั่นคงของบริษัทในกลุ่มและเติบโตทางธุรกิจด้วยความระมัดระวังต่อไป

นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 1.20 บาทต่อหุ้น และเสนอผู้ถือหุ้นอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดที่สองอีก 2.00 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 3.20 บาทต่อหุ้น คิดเป็นร้อยละ 50.82 ของกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ โดยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่จ่าย 3.10 บาทต่อหุ้น

จากที่คณะกรรมการบริษัทฯ ได้กำกับดูแลการดำเนินงานและการดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลกิจการที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง มีผลประกอบการที่เติบโตอย่างมั่นคงและสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้นมาโดยตลอด ปี 2566 คณะกรรมการบริษัทฯ ยังได้ให้ความสำคัญกับการสร้างความมั่นคงและยั่งยืนทางเทคโนโลยีสารสนเทศ จึงได้จัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อกำกับดูแลการบริหารจัดการระบบเทคโนโลยีของบริษัทในกลุ่มธนชาต เพื่อให้สอดคล้องกับการกำกับดูแลกิจการที่ดีและหลักการบริหารจัดการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่ดี รวมทั้งได้มีการติดตามการพัฒนาด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น Generative AI เป็นต้น นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ได้กำกับดูแลผ่านคณะกรรมการชุดย่อยและหน่วยงานต่าง ๆ ของบริษัทฯ และบริษัทในกลุ่มธนชาต ให้ความสำคัญกับการพัฒนาการดำเนินการด้านความยั่งยืน ทั้งมิติด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) มิติด้านสังคม (Social) และมิติด้านเศรษฐกิจและบรรษัทภิบาล (Governance) (ESG) เข้าสู่แนวทางที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และองค์กรที่เกี่ยวเนื่องในการส่งเสริมการดำเนินการด้านความยั่งยืนเผยแพร่ โดยมีการดำเนินงานที่ลดการใช้ทรัพยากร การดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ที่มีเป้าหมายและแผนงานอย่างเป็นรูปธรรม เหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทในกลุ่มธนชาต ซึ่งในปี 2566 บริษัทฯ และบริษัทในกลุ่มได้รับรางวัลต่าง ๆ อย่างมากมายดังที่เปิดเผยในรายงานฉบับนี้ และที่สำคัญบริษัทฯ ยังได้รับการประเมินเป็นหุ้นยั่งยืนโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งนี้ บริษัทในกลุ่มธนชาตยังคงให้ความสำคัญกับแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชั่นของภาคเอกชนไทย (Thai Private Sector Collective Action Against Corruption: CAC) ด้วยการเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์กรดังกล่าวต่อเนื่องนานมาร่วม 10 ปี

คณะกรรมการบริษัทฯ ขอขอบคุณทุกความไว้วางใจและการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย และเชื่อว่าจะได้รับความไว้วางใจและการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ตลอดจนพนักงานทุกคน ต่อไป

(นายบันเทิง ตันติวิท)
ประธานกรรมการ

(นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ)
กรรมการผู้จัดการใหญ่

(นายศุภเดช พูนพิพัฒน์)

รองประธานกรรมการ
และกรรมการผู้จัดการใหญ่