EN
TCAP 49.25บาท
+0.50(1.03%)
สรุปคำถาม-คำตอบการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564

1. บริษัทฯ มีแผนที่จะนำเงินสดคงเหลือไปลงทุนด้านใดบ้าง นอกจากปัจจุบันที่ลงทุนในบริษัทย่อยต่าง ๆ อาทิบริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) และธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทร่วม

แนวทางการลงทุนของบริษัทฯ จะเน้นที่ธุรกิจที่บริษัทฯ ลงทุนอยู่ในปัจจุบัน และ เมื่อต้นปี 2564 บริษัทฯ ได้มีการจัดตั้งบริษัทใหม่ คือ บริษัท ธนชาต พลัส จำกัด เพื่อที่จะประกอบธุรกิจให้สินเชื่อที่มีหลักประกัน (Asset-based Finance) โดยหลักประกันเป็นอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะพิจารณาให้สินเชื่อตามศักยภาพของหลักประกัน เพื่อเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจของลูกค้าภายใต้สถานการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งทางบริษัทฯ จะให้เงินลงทุนจำนวนหนึ่งเพื่อที่จะขยายธุรกิจนี้ต่อไป


2. บริษัทฯ จะมีการลงทุนในธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) เพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นอีกหรือไม่

ฝ่ายจัดการของบริษัทฯ กำลังพิจารณาในเรื่องดังกล่าวอยู่ โดยหากราคาหุ้นของธนาคารทหารไทยธนชาตอยู่ในระดับที่เหมาะสม และแนวโน้มของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 รวมถึงรายได้ของระบบธนาคารพาณิชย์ปรับตัวดีขึ้น ทางบริษัทฯ จะพิจารณาลงทุนเพื่อเพิ่มสัดส่วนมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯ ถือหุ้นมากกว่าร้อยละ 20 ในธนาคารทหารไทยธนชาต ซึ่งบริษัทฯ สามารถรับรู้กำไรของธนาคารทหารไทยธนชาตได้โดยตรงตามสัดส่วน และหากธนาคารทหารไทยธนชาตสามารถรักษาระดับความสามารถในการทำไรให้อยู่ในระดับใกล้เคียงเดิม ผลตอบแทนที่บริษัทฯ จะได้รับจากการลงทุนถือว่าเป็นระดับที่น่าพอใจ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีสภาพคล่องประมาณ 8,000 - 9,000 ล้านบาท ซึ่งได้ผลตอบแทนต่ำกว่าร้อยละ 1 ทำให้ปัจจุบันบริษัทฯ กำลังพิจารณาหาโอกาสและช่องทางที่จะนำเงินดังกล่าวไปลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ กำลังพิจารณาการลงทุนในหุ้นของธนาคารทหารไทยธนชาต และหุ้นของบริษัท ราชธานีลิสซิ่ง ถ้าหากราคาหุ้นของทั้ง 2 บริษัท อยู่ในระดับราคาที่เหมาะสม


3. บริษัทฯ มีแผนในการซื้อหุ้นคืนอีกหรือไม่

ในปัจจุบัน ยังอยู่ในช่วงเวลาที่บริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินการซื้อหุ้นคืนได้ ตามที่กฎหมายกำหนด


4. บริษัทฯ ยังคงให้ความมั่นใจว่าจะจ่ายเงินปันผลในอัตรา 3 บาท ต่อหุ้น ได้อย่างต่อเนื่องหรือไม่

บริษัทฯ มีความพยายามที่จะรักษาระดับของเงินปันผลที่จ่ายให้กับผู้ถือหุ้นไว้ เพื่อให้ผู้ถือหุ้นมั่นใจในการลงทุนในหุ้นของบริษัทฯ ซึ่งปัจจุบันจากการประเมินบริษัทฯ ยังมีความเชื่อมั่นว่ากำไรโดยรวมของบริษัทฯ น่าจะเพียงพอที่จะรองรับการจ่ายเงินปันผลในอัตรา 3 บาทต่อหุ้น ได้ต่อไป