Thanachart One Report 2021 - TH

ส า ร จ า ก ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ปี2564 เป็นปีที่สองที่ทั่วโลกต้องเผชิญกับการระบาดของโรคโควิด19 เช่นเดียวกับประเทศไทยที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 หลายระลอก ท� ำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเกิดความล่าช้า แต่จาก มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายและการผ่อนคลายมาตรการควบคุม การแพร่ระบาด รวมไปถึง การส่งออกที่มีการขยายตัวตามการฟื้นตัว ของอุปสงค์ของประเทศคู่ค้า ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยมีการขยายตัว ร้อยละ 1.6 จากปี 2563 ที่มีการหดตัวอย่างรุนแรงที่ร้อยละ 6.2 แต่ธุรกิจหลายธุรกิจรวมถึงภาคครัวเรือนยังคงได้รับผลกระทบจาก การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ การท่องเที่ยว โรงแรม ศูนย์การค้าและร้านอาหาร ถึงแม้ว่าจะมี การเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ในช่วงไตรมาส สุดท้ายของปีก็ตาม ส� ำหรับกลุ่มธนชาต ปี 2564 ก็เป็นปีที่สอง หลังจากที่บริษัทฯ ได้มีการปรับโครงสร้าง จากการเป็นบริษัทแม่ของธนาคารพาณิชย์ (Bank HoldingCompany) มาเป็นบริษัทที่เน้นการลงทุนในหลากหลาย ธุรกิจ (Diversified Investment Holding Company) และได้ใช้ เงินสดส่วนเกินที่มีอยู่ในการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัทย่อย และบริษัทร่วมอย่างต่อเนื่อง โดยเล็งเห็นถึงศักยภาพการเติบโต ในอนาคตของบริษัทต่าง ๆ เหล่านี้ รวมถึงสนับสนุนการด� ำเนินธุรกิจ ของทุกบริษัทย่อยให้มีฐานะการเงินที่มั่นคง อีกทั้งการประกอบธุรกิจ การให้สินเชื่อที่มีหลักประกัน (Asset-based Financing) ที่บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญผ่านการถือหุ้นใน ธนชาตพลัส ซึ่งการด� ำเนินการ ทั้งหมดนี้เพื่อเป็นฐานในการสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมอย่างยั่งยืน ให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทฯและบริษัทย่อย ได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทย่อย และบริษัทร่วม ที่ส� ำคัญ และมีมูลค่าเงินลงทุน ณ สิ้นปี 2564 ดังนี้ • เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในธนาคารทหารไทยธนชาต จากร้อยละ 20.11 เป็นร้อยละ 23.32 และมีมูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 45,643 ล้านบาท • เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน บมจ. เอ็มบีเค จากร้อยละ 22.42 เป็นร้อยละ 23.32 และมีมูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 5,281 ล้านบาท • เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในราชธานีลิสซิ่ง จากร้อยละ 58.85 เป็นร้อยละ 60.16 และมีมูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 13,695 ล้านบาท • เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในเอ็มบีเค ไลฟ์ จากร้อยละ 51.00 เป็นร้อยละ 100.00 และมีมูลค่าเงินลงทุน 1,081 ล้านบาท ส� ำหรับผลการด� ำเนินงานในปี 2564 บริษัทฯและบริษัทย่อย มีก� ำไร สุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ จ� ำนวน 5,287 ล้านบาท ลดลง 1,382 ล้านบาท หรือร้อยละ 20.72 จากปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจาก ในไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทฯ มีการรับรู้ก� ำไรจากการขายเงินลงทุน ใน บจ. อายิโนะโมะโต๊ะ ซึ่งเป็นก� ำไรพิเศษที่เกิดขึ้นครั้งเดียว โดยหากไม่รวมก� ำไรพิเศษดังกล่าว บริษัทฯ มีก� ำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 1,608 ล้านบาท หรือร้อยละ 43.71 ซึ่งเกิดจากผลการด� ำเนินงาน ของบริษัทฯและบริษัทย่อยที่ส� ำคัญที่เติบโตขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ส่วนแบ่งก� ำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมปรับตัวลดลง เนื่องจาก ยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ส� ำหรับ ธุรกิจการให้สินเชื่อที่มีหลักประกัน ธนชาตพลัส ได้เริ่มด� ำเนินธุรกิจ ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม 2564 เป็นต้นมา มีผลการด� ำเนินงาน เป็นที่น่าพอใจและเติบโตเป็นล� ำดับ 12

RkJQdWJsaXNoZXIy ODEyMzQ3