Thanachart One Report 2021 - TH

ภาวะเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์ ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2564 มีการขยายตัวร้อยละ 1.6 จากปี 2563 ที่มีการหดตัวอย่างรุนแรงที่ร้อยละ 6.2 จากผลกระทบ ของการระบาดของโรคโควิด 19 ถึงแม้ว่าในปี 2564 จะมีการ แพร่ระบาดของโรคโควิด 19 หลายระลอก โดยเฉพาะการระบาดของ สายพันธุ์เดลต้าในช่วงไตรมาส 2 ต่อเนื่องมาจนถึงไตรมาส 4 ของปี ที่มีจ� ำนวนผู้ติดเชื้อสูงถึงหลักหมื่นคนต่อวัน ท� ำให้การฟื้นตัวของ เศรษฐกิจเกิดความล่าช้า แต่จากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ ของภาครัฐ การผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่ออกมา อย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีตามจ� ำนวนผู้ติดเชื้อ ที่ลดลงจากการเร่งฉีดวัคซีน รวมไปถึงการส่งออกมีการขยายตัว ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ของประเทศคู่ค้า ส่งผลให้เศรษฐกิจไทย มีการขยายตัวจากปีก่อน ทั้งนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โรคโควิด 19 ที่ส่งผลกระทบต่อเนื่องรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจของ ประเทศ ธปท. และสถาบันการเงินได้ร่วมกันออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อ บรรเทาผลกระทบของโรคโควิด 19 ที่เกิดขึ้นต่อประชาชนและภาค ธุรกิจแต่ละกลุ่มอย่างเหมาะสม ในขณะที่คณะกรรมการนโยบาย การเงิน ธปท. ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 0.50 ต่อปี ตลอดทั้งปี เนื่องจากเห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อเนื่อง จะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจในภาพรวม สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ไทยในปี 2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก ปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการขยายตัวของสินเชื่อธุรกิจและ สินเชื่อวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ส� ำหรับสินเชื่อภาคครัวเรือน เพิ่มขึ้นจากสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ในขณะที่สินเชื่อเช่าซื้อหดตัวลง ด้านเงินฝากปรับตัวเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับปริมาณการขยายตัวของ สินเชื่อ ส� ำหรับสินเชื่อด้อยคุณภาพปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตาม ภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว ส� ำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2565 มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัว โดยคาดว่า จะขยายตัวได้ร้อยละ 3.5 - 4.5 ตามการคาดการณ์ของส� ำนักงาน สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีปัจจัยสนับสนุน ที่ส� ำคัญมาจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศ และภาคการท่องเที่ยว ตามสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ที่คลี่คลายลง รวมไปถึง การขยายตัวของการส่งออก และการลงทุนของภาครัฐ ภาพรวมผลการด� ำเนินงาน ส� ำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ในปี 2564 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีก� ำไรสุทธิรวม 6,722 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากผลการด� ำเนินงานของบริษัทย่อยและ บริษัทร่วมที่ส� ำคัญ ดังนี้ • ราชธานีลิสซิ่ง มีก� ำไรสุทธิตามงบการเงินรวม จ� ำนวน 1,709 ล้านบาท • ธนชาตประกันภัย มีก� ำไรสุทธิ จ� ำนวน 768 ล้านบาท • บล. ธนชาต มีก� ำไรสุทธิ จ� ำนวน 661 ล้านบาท • ส่วนแบ่งก� ำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมตามวิธีส่วนได้เสีย มีจ� ำนวน 1,986 ล้านบาท • ก� ำไรสุทธิของบริษัทบริหารสินทรัพย์ และบริษัทย่อยอื่น มีจ� ำนวน 265 ล้านบาท ส่งผลให้งบการเงินรวมมีก� ำไรสุทธิส่วนของบริษัทฯ จ� ำนวน 5,287 ล้านบาท ลดลง 1,382 ล้านบาท หรือร้อยละ 20.72 จากปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากในไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทฯ มีการรับรู้ ก� ำไรจากการขายเงินลงทุนใน บจ. อายิโนะโมะโต๊ะ ซึ่งเป็นก� ำไรพิเศษ ที่เกิดขึ้นครั้งเดียว หากไม่รวมก� ำไรพิเศษดังกล่าว บริษัทฯ มีก� ำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 1,608 ล้านบาท หรือร้อยละ 43.71 ซึ่งเกิดจากผลการด� ำเนินงาน ของบริษัทฯและบริษัทย่อยที่ส� ำคัญที่เติบโตขึ้น ทั้งนี้ บริษัทฯ มีก� ำไรต่อหุ้น (EPS) ในปี 2564 เท่ากับ 5.04 บาท โดยมีอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมเฉลี่ย (ROAA) และอัตรา ผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เฉลี่ย (ROAE) อยู่ที่ ร้อยละ 4.73 และ 8.31 ตามล� ำดับ 108

RkJQdWJsaXNoZXIy ODEyMzQ3